สังเวียนที่จะใช้เเข่งขันศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีคนัดชิงชนะเลิศปีนี้ จะเตะกันที่สนาม อตาเติร์ก โอลิมปิค สเตเดี้ยม ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
ซึ่งนี้จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของถ้วยนี้ ที่สุดท้ายแล้วยังไงทีมที่เป็นแชมป์ก็จะมีนักเตะสัญชาติตุรกีอยู่ในทีมและได้ชูถ้วยในถิ่นเกิดของตัวเอง นอกจากนี้จะเป็นคนแรกที่สามารถคว้าถ้วย UCL ได้
อย่างไรก็ดีนี่เป็นเพียงครั้งที่สองเท่านั้นที่ทีมจากอังกฤษ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) จะเข้าชิงกับทีมจากอิตาลี (อินเตอร์ มิลาน) ในฟุตบอลถ้วยใบใหญ่ของยุโรปที่เมืองนี้อีกด้วย
เริ่มจาก อิลคาย กุนโดกัน ที่หลายๆคนเข้าใจว่าเขาคือคนเยอรมัน แต่จริงๆแล้วเขาเกิดในประเทศตุรกี แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ครอบครัวของ กุนโดกัน ต้องอพยพมาอยู่ที่ประเทศเยอรมัน ณ ปัจจุบัน กลับกัน ชัลฮาโนกลู นั้นเกิดที่เยอรมัน แต่สุดท้ายเลือกที่จะรับใช้ทีมชาติตุรกี ประเทศบ้านเกิดของพ่อแม่ของเขา
ก่อนหน้านี้ ซิโมเน่ อินซากี้ กุนซือของ ‘งูใหญ่’ ได้ออกมามองว่าสุดท้ายแล้วทีมของเขาจะได้เปรียบในนัดชิงชนะเลิศ แม้กองเชียร์ของทั้งสองทีมจะได้ตั๋วเท่าๆกัน แต่เพราะว่าเป็นการเตะที่ประเทศตุรกี กองเชียร์ส่วนใหญ่ก็จะต้องเชียร์นักเตะชาติตัวเองอย่าง ชัลฮาโนกลู มากกว่านักเตะที่ย้ายไปเล่นประเทศอื่นอย่าง กุนโดกัน อยู่แล้ว
โดยสถิติที่ผ่านมามีนักเตะสัญชาติตุรกีที่เข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีคมาแล้วถึง 4 คน แต่ทว่าทุกคนล้วนอกหักแพ้ในนัดชิงทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็น อาร์ด้า ตูราน ที่อยู่กับ แอตเลตติโก มาดริด ก็พ่ายแพ้ให้กับเจ้ายุโรปอย่าง เรอัล มาดริด ในช่วงต่อเวลา 1-4 ปี 2014
หรือจะเป็น นูริ ซาฮิน สมัยค้าแข้งกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่แพ้ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค 1-2 ที่เวมบลีย์ ปี 2013
ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มี ฮามิท อัลคินท็อป ของ บาเยิร์น มิวนิค ที่โดน อินเตอร์ มิลาน ยุค 3 แชมป์ของน้ามูกดไป 2-0 เมื่อปี 2010
และที่น่าสงสารที่สุดคือ ยิลดิราย บาสเติร์ก ที่อกหักเป็นทริปเบิ้ลรองแชมป์ซึ่งตอนนั้นต้นสังกัดของเจ้าตัวอย่าง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ก็พ่ายแพ้ เรอัล มาดริด 1-2 จากลูกวอลเลย์สุดงามของ ซีเนอดีน ซีดาน เมื่อปี 2002
แต่ครั้งนี้จะมีนักเตะเชื้อชาติตุรกีคนแรกที่จะได้ชูถ้วยแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีค เป็นครั้งแรกในบ้านเกิดของตัวเอง จะเป็น ชัลฮาโนกลู ของ อินเตอร์ มิลาน หรือ กุนโดกัน ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คืนวันเสาร์ที่ 11 นี้เราจะได้รู้กัน