เรื่องเงินอีกแล้ว !? ผู้ว่ากกท.แจงเหตุยังไม่จ่ายเงินอัดฉีดบอลชายซีเกมส์

ผู้ว่า กกท. ชี้แจงสาเหตุที่ยังไม่จ่ายเงินอัดฉีดให้ทีมฟุตบอลชายซีเกมส์ เพราะรอตรวจสอบเหตุฉาวนัดชิงฯ แต่สมาคมฯยังไม่ตอบกลับ ระบุ คนก่อเรื่องอาจไม่ได้รับเงินส่วนแบ่ง

วันนี้ (6 ก.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้มีการมอบเงินอัดฉีดให้นักกีฬาทุกคนที่ได้เหรียญรางวัลในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 รวมกว่า 338 ล้านบาท

สำหรับเกณฑ์เงินอัดฉีดซีเกมส์นั้น เหรียญทอง จะได้รับเงินอัดฉีด 300,000 บาท เหรียญเงิน 150,000 บาท และเหรียญทองแดง 75,000 บาท ขณะที่ ผู้ฝึกสอนของกีฬาที่เป็นบุคคลหรือทีมไม่เกิน 6 คน จะได้รับร้อยละ 20 หากเป็นทีมตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป จะได้รับร้อยละ 10 จากวงเงินที่นักกีฬาได้รับ ส่วนสมาคมกีฬาต้นสังกัด จะได้รับร้อยละ 30 จากจำนวนเงินที่นักกีฬาได้รับ แต่ไม่เกิน 10 ล้านบาท

โดยฟุตบอลหญิงได้เหรียญทองแดง ซึ่งมีการแจกให้กับทีมหญิงตามสัดส่วนที่กำหนดจำนวน 2,100,000 บาท อย่างไรก็ตาม ทีมชายที่ได้เหรียญเงินยังไม่มีการมอบเงินมากกว่า 3 ล้านบาทให้แต่อย่างใด

เรื่องนี้ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า ได้มีการชะลอการมอบเงินให้ทีมฟุตบอลชาย เพราะจากปัญหาที่เกิดเรื่องวิวาทในรอบชิงชนะเลิศกับ อินโดนีเซีย เป็นเรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของวงการกีฬาประเทศไทยพอสมควร ซึ่ง กกท. ขอให้สมาคมฟุตบอลฯ ทำหนังสือชี้แจงเหตุการณ์ดังกล่าวมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับ

ดร.ก้องศักด เผยอีกว่า บอร์ด กกท. ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าใครกระทำผิด ใครกระทำไม่เหมาะสมบ้าง เช่น ผู้ที่กระทำผิดและเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทโดยตรง และถูกลงโทษ อาจจะไม่ได้รับเงินรางวัล ซึ่งเรื่องนี้ต้องการการชี้แจงที่ชัดเจน ว่ามีใครบ้าง และโทษแต่ละคนเป็นอย่างไร จะพิจารณาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และดูในภาพรวมว่าผิดกฎกติกาอะไรไหม ซึ่งก็ไม่ได้ติดขัดในเรื่องของเงินรางวัล หรือระบบการเบิกจ่าย กกท. จะเร่งสอบถามไปยังสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพื่อให้ทำเรื่องชี้แจงกลับมาโดยเร็วที่สุด อยากจะมอบเงินรางวัลดังกล่าว และคำนึงถึงนักกีฬา เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง ที่ได้รับผลกระทบไปด้วย

“กรณีนี้ก็อาจจะขอให้เป็นกรณีศึกษา ซึ่งในครั้งต่อๆ ไป ก็คงต้องมีกฎ กติกา ในการเป็นตัวแทนทีมชาติร่วมกันว่า หากใครที่เป็นตัวแทนแล้ว ไปสร้างความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับประเทศชาติและภาพรวมของวงการกีฬาไทย ก็ต้องมีบทลงโทษที่ชัดเจน”

ทั้งนี้ จากเหตุดังกล่าว สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ สั่งลงโทษผู้เกี่ยวข้องดังนี้ ประสบโชค โชคเหมาะ ผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตู, มายีด หมัดอะด้ำ เจ้าหน้าที่ทีม, ภัทราวุธ วงษ์ศรีเผือก เจ้าหน้าที่ทีม ห้ามยุ่งเกี่ยวทีมชาติ 1 ปี ส่วน 2 นักเตะที่เกี่ยวข้องคือ สภณวิชญ์ รักญาติ และ ธีรภักดิ์ เปรื่องนา ถูกแบนคนละ 6 เดือน