หงส์แดง ลิเวอร์พูล จะสามารถสร้างโมเมนตัมแห่งชัยชนะได้อีกหรือไม่ หลังจากที่พวกเขาเพิ่งโชว์ฟอร์มสุดยอดปราบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ชนิดหักปากกาเซียนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเกมต่อไปพวกเขาต้องพบกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กลางสัปดาห์นี้ ซึ่งฟอร์มก็เริ่มกระเตื้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง งานนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเลือกใช้แท็กติกเด็ดที่จม “เรือใบสีฟ้า” หรือจะหันกลับมาเล่นระบบ 4-3-3 ที่ชื่นชอบอีกครั้ง ส่วน “ขุนค้อน” ก็ไม่ธรรมดาเพราะทีมไม่แพ้ใคร 5 เกมหลังสุดในทุกรายการ ดังนั้นตอนนี้พวกเขาพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋าเลยทีเดียว
-โกเมซ ยังได้ลงอีกครั้ง
ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์มากๆ ที่เห็น โจ โกเมซ สามารถต่อกรกับ เออร์ลิง ฮาลันด์ ได้อย่างสุดยอด สามารถจัดการกับกองหน้าที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุดในพรีเมียร์ลีกได้อยู่หมัด
โกเมซ กำลังเริ่มกลับมามีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อได้โอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการได้ยื่นคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก ซึ่งทั้งสองคนเก็บคลีนชีตในลีกได้ถึง 19 แมตช์เลยทีเดียว
แน่นอนว่า คล็อปป์ น่าจะให้โอกาส โกเมซ ได้ลงเล่นอีกครั้ง เพราะนักเตะกำลังมั่นใจสุด แต่สิ่งสำคัญก็คือดาวเตะชาวอังกฤษรายนี้ต้องพยายามรักษามาตรฐานการเล่นให้คงเส้นคงวา ถ้าหากฟอร์มสามวันดีสี่วันไข้ก็คงต้องกลับไปนั่งตบยุงในซุ้มม้านั่งสำรองอีกครั้งแน่ๆ
-ซาลาห์ กำลังเข้าฝัก
ในสถานการณ์ที่ ดีโอโก้ โชต้า ได้รับบาดเจ็บหนักที่น่องจนต้องพักยาว 1 เดือน ลิเวอร์พูล ยังคงใจชื้นได้บ้างเนื่องจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลับมาเฉียบคมอีกครั้ง หลังจากที่โชว์ฟอร์มสุดยอดในเกมจม “เรือใบสีฟ้า”
เกมล่าสุด กุนซือชาวด๊อยท์ช จับ “บังโม” ยืนตรงกลาง และผลงานก็ยอดเยี่ยมซะด้วย โดยสามารถปั่นป่วนเกมรับของ แมนฯ ซิตี้ ได้ตลอด ที่สำคัญเขายังมีโอกาสยิงประตูหลายครั้งด้วย
ขณะเดียวกันการได้เล่นร่วมกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ยิ่งทำให้ ซาลาห์ สามารถงัดศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ เพราะ “บ็อบบี้” นอกจากจะทำหน้าที่เป็นหน้าต่ำแล้ว ยังคอยลงมาเชื่อมเกมแดนกลางเพื่อสร้างความหลากหลายในเกมรุก
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือตำแหน่งของ ดาร์วิน นูนเญซ ในเกมกับแมนฯ ซิตี้ ดาวยิงชาวอุรุกวัย แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาทำผลงานได้ดีเยี่ยมเมื่อยืนทางริมเส้นฝั่งซ้าย และน่าจะได้ทำหน้าที่นี้อีกครั้งในเกมกับ เวสต์แฮม แต่สิ่งสำคัญก็คือนักเตะต้องเลิกเห็นแก่ตัว ไม่งั้นเพื่อนไม่คบแน่ๆ !!
-เทรนต์ คัมแบ็ค
ประเด็นที่สาวก “เดอะ ค็อป” หลายคนรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เมื่อได้รับทราบว่า เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หายเจ็บพร้อมลงตัวจริงให้กับทีมในเกมปะทะ “ขุนค้อน” กลางสัปดาห์นี้
เชื่อว่าตอนที่ เทรนต์ ถูกเปลี่ยนตัวลงมาช่วงท้ายเกมแมตช์ล่าสุด แฟนบอล “หงส์แดง” คงอกสั่นขวัญหายกลัวว่า คล็อปป์ จะสั่งให้ไปยืนแบ็กขวา และขยับ เจมส์ มิลเนอร์ ขึ้นมาเล่นตรงกลาง
เดชะบุญที่ฟูลแบ็กจอมแอสซิตส์ไม่ได้ถูกสั่งให้ไปยืนในตำแหน่งประจำ เพราะดูเหมือนเขาจะถูกโยกให้ไปเล่นเป็นปีกมากกว่า นั่นทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลรู้สึกโล่งใจไม่น้อย
เพราะหาก เทรนต์ ลงมาเล่นแบ็กขวา เชื่อว่า แมนฯ ซิตี้ คงโจมตีจุดนั้นอย่างหนักแม้จะเหลือไม่กี่นาทีแต่ก็อาจได้ประโยชน์จากความอ่อนยวบในเกมรับของฟูลแบ็กทีมชาติอังกฤษ
งานนี้สาวก “เดอะ ค็อป” ทั่วโลก คงอยากให้ คล็อปป์ ดร็อป เทรนต์ ไปก่อน ไม่ใช่เพราะนักเตะเล่นไม่ดีแต่อยากให้เขาได้รับรู้ว่าหากฟอร์มบู่บ่อยๆ ก็มีสิทธิ์ต้องหลุดจากตำแหน่ง ไม่ใช่เล่นไม่ดีแต่ยังได้ลงตัวจริงตลอด แบบนั้นมันทำให้นักเตะเสียนิสัย
-“ขุนค้อน” มุ่งมั่นคว่ำ “หงส์แดง”
สำหรับตอนนี้สปิริตภายในทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ค่อยๆ กลับมาดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ผลงานของพวกเขากระเตื้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะปราบเจ้าบ้านที่ฟอร์มแกร่งเหลือเกินยามเล่นในแอนฟิลด์
“เดอะ แฮมเมอร์ส” ยังไม่แพ้ใครในช่วง 5 แมตช์หลังสุดในทุกรายการ แถมยังเป็นการคว้าชัยชนะถึง 4 เกม ล่าสุดก็เสมอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ทำให้ตอนนี้พวกเขากระโดดขึ้นมาอยู่ในอันดับ 12 แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ เวสต์แฮม ตามหลัง ลิเวอร์พูล แค่ 2 แต้มเท่านั้นแต่แข่งมากกว่า 1 นัด ฉะนั้นหากพวกเขาสามารถบุกไปคว้า 3 คะแนนสำคัญได้ นั่นจะทำให้ทีมพุ่งขึ้นไปอยู่ครึ่งบนของตารางลีกทันที
ที่สำคัญนักเตะ “หงส์แดง” ต้องระมัดระวังฟอร์มของนักเตะอย่าง เดแคลน ไรซ์ เพราะเจ้าตัวเริ่มเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ ล่าสุดก็เพิ่งซัดประตูให้กับทีมด้วย
นอกจากนี้ ลูกัส ปาเกต้า และจานลูก้า สคามัคก้า เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่าทำไม “ขุนค้อน” ถึงยอมจ่ายค่าตัวทั้งสองคนรวมกัน 85 ล้านปอนด์ (ราว 3,740 ล้านบาท) ช่วงซัมเมอร์นี้ ขณะที่ จาร์ร็อด โบเว่น ก็ยังคงอันตรายในทุกจังหวะเช่นกัน
-อลีสซง อาวุธเด็ดของจริง
หลายคนอาจมองว่ากองหน้าเป็นตำแหน่งที่จะสามารถชี้ชะตาผลการแข่งขันได้ แต่สำหรับ ลิเวอร์พูล ผู้เล่นที่เป็นอาวุธลับของพวกเขาก็คือ อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทวารจอมหนึบชาวบราซิเลียน
“พ่อหมี” ขวัญใจสาวก “หงส์แดง” มีฟอร์มการเซฟประตูที่ยอดเยี่ยม และช่วยทีมรอดจากหายนะได้หลายต่อหลายครั้ง แต่อีกหนึ่งทีเด็ดที่เจ้าตัวแสดงให้เห็นเป็นประจำนั้นก็คือการเปิดบอลเร็วในจังหวะการเล่นสวนกลับ
เกมล่าสุดก็เพิ่งจะจัดแอสซิสต์ให้กับ ซาลาห์ แต่นั่นไม่ใช่ครั้งแรกเพราะ อลีสซง เคยแอสซิสต์มาก่อนหน้านี้หลายครั้ง รวมเบ็ดเสร็จเขาทำไปแล้ว 4 แอสซิสต์ในลีก
นอกจากนี้ อลีสซง ยังเป็นโกลคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องถึง 4 ประตู โดยแอสซิสต์ 3 ครั้งและทำได้ 1 ลูก
สามารถติดตาม ข่าวฟุตบอล ได้ที่ Uthai.net