ดาลี่ย์ บลินด์ เล่าประสบการณ์เผชิญกับภาวะอาการหัวใจวาย ขณะเล่นให้กับ อาแจ็กซ์ เมื่อปี 2019
ปัจจุบัน บลินด์ ยังคงทำผลงานในระดับสูง หลังจากเล่นให้ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในฟุตบอลโลกปีที่แล้ว จากนั้นย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค แบบไร้ค่าตัวในเดือน มกราคม ที่ผ่านมา และคาดว่าจะย้ายไปสโมสรอื่นในช่วงซัมเมอร์นี้ เนื่องจากสัญญาของเขากับยักษ์ใหญ่ในเยอรมันจะสิ้นสุดลงปลายเดือนนี้
“สถานการณ์คือผมมีอาการหัวใจวายเล็กน้อย” ดาวเตะชาวดัตช์วัย 33 ปี เล่าเรื่องราวนี้ผ่านเว็บไซต์ทางการของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
“มันเป็นแบบนั้น และช่วงเวลาที่มันเกิดขึ้น ปกติคุณจะต้องออกไป แต่สำหรับผม มันคือการเริ่มต้น อาการหัวใจวายเริ่มขึ้น ณ จุดหนึ่ง อัตราการเต้นหัวใจของผมมากขึ้น”
“หัวใจของผมกลับมาเต้นเป็นจังหวะ และนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงไม่ออกจากสนาม ผมหมดสติ แต่หลังจากนั้นสักครู่ผมก็ลุกเดินได้”
“ผมยืนอยู่ ผมกำลังวิ่งกลับไป เราเพิ่งเล่นเกมรุก ณ จุดนั้น ถ้าคุณเห็นภาพ คุณเห็นผม และมันเป็นแบบนี้จริงๆ คือ ล้มลง และเอามือข้างหนึ่งวางบนพื้น จากนั้นผมก็ยืนอยู่บนพื้น และในขณะนั้น อัตราการเต้นของหัวใจของผมก็กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง และตื่นตัวมากขึ้น”
“หมอเข้ามา และถามว่า เกิดอะไรขึ้น? คุณโอเคไหม? และผมก็พูดว่า โอเค ผมสบายดี ผมแค่หิว ผมไม่สามารถเชื่อมโยงกับสิ่งที่อยู่ในใจของผม แน่นอน พวกเขาทำการตรวจทั้งหมด และทุกอย่าง และผมก็ปกติดี”
“ผมจำความรู้สึกนี้ได้เมื่อคุณนอนบนโซฟามากเกินไป และคุณลุกขึ้นยืนเร็วเกินไป คุณก็จะรู้สึกมึนงง”
“นี่คือความรู้สึกนี้ แต่คูณด้วย 10 ผมเพิ่งมีความรู้สึกว่า ผมหิว ผมไม่มีพลังงาน ผมต้องกินบางอย่าง และผมไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของผมหรืออาการแบบนั้น”
“ผมอยู่จบเกมด้วยซ้ำ ซึ่งมันบ้ามาก ส่วนที่บ้าที่สุด! ผมไปฝึกซ้อม ไปพักฟื้น และ ณ จุดนั้น หมอมาหาผม และพูดว่า ดาลี่ย์ ฉันไม่ไว้ใจเรื่องนี้ และเราต้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล จากนั้นเราก็ทำการตรวจร่างกาย และผมอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 2 สัปดาห์”
“มีอยู่ช่วงหนึ่ง หมอเข้ามา และบอกผมว่าบางทีผมอาจจะไม่สามารถเล่นฟุตบอลได้อีก”
“หลายคนคิดว่า ทำไมคุณถึงกังวลกับเรื่องนี้ คุณต้องมีความสุขที่คุณไม่เป็นอะไร แต่สำหรับผม ผมคิดว่าการได้ทำในสิ่งที่คุณรัก ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลหรืองานของคุณ และถ้าคุณทำไม่ได้ หรือทำแบบนั้นต่อไปแล้วมันเจ็บปวด”
“นั่นเป็นช่วงเวลาที่สะเทือนใจ และผมจำได้ว่าตั้งแต่วินาทีนั้น พ่อของผม (แดนนี่) ก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เขาชอบถามหมอโดยตรงทุกคำถามที่ถามได้ เช่น เราจะทำอะไรได้บ้าง มีความเป็นไปได้อย่างไร เพราะเขารู้ว่าผมเป็นอย่างไรในการแขางขัน เช่น ผมไม่ได้เลิกหรือต้องการเลิกเร็วเกินไป”
“ผมคิดว่าการที่เขาถามทุกคำถามกับหมอเป็นแรงบันดาลใจให้ผมมากจนผมไม่มีทางเลือกในการยอมแพ้ ผมควรลองทุกอย่างที่สามารถเลี่ยงได้ในระยะปลอดภัย และทำอย่างนั้น จนถึงจุดหนึ่ง ผมมีตัวเลือกนี้ในการติด ICD และนั่นคือทางออกสุดท้าย ผมมี (เครื่องกระตุ้นหัวใจที่ติดตั้ง) ไว้ด้านข้าง และด้วยเหตุนี้ ผมจึงสามารถเล่นกีฬาได้อีกครั้งในระดับสูง”
“หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา (อีริคเซ่น) เราก็ติดต่อกันโดยตรง และแน่นอน เรารู้จักกันมาก่อน ดังนั้นมันจึงง่ายกว่า เรามีคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาถามผมว่าผมทำอะไร ทำอะไรได้บ้าง และผมคิดว่าเขาไปหาหมอคนเดียวกับผมทำที่อัมสเตอร์ดัม ดังนั้นผมจึงยินดีที่จะช่วยเหลือเขาในทุกวิถีทางแบบนั้น”