ในช่วงก่อนหน้านี้มีห้วงเวลาที่ทัพ “ปืนใหญ่” ทำแต้มฉีกหนีห่างคู่แข่งไปถึง 8 คะแนน ทว่าในวันนี้ที่แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ิ ไป 1-4 ระยะห่างเหลือเพียง 2 คะแนน และโปรแกรมในช่วงหลังจากนี้ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ โอกาสลุ้นคว้าแชมป์ตึงเครียด
ในวันนี้จะพาไปย้อนรอยดูเหตุการณ์ในศึกพรีเมียร์ลีกที่จ่าฝูงเคยทำคะแนนทิ้งห่างผู้ตาม แต่ท้ายที่สุดโดนปาดหน้าซิวโทรฟี่แชมป์ไปครอง ซึ่งจะมีทีมไหนบ้าง ไปติดตามกันได้เลย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2002-03)
ย้อนกลับไปเหตุการณ์เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ในฤดูกาลดังกล่าว อาร์เซน่อล ทำผลงานได้อย่างร้อนแรงนำเป็นจ่าฝูงของลีก พร้อมมีแต้มทิ้งห่างเหล่าทีมตามที่ผลัดหน้ากันขึ้นมาพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด หรือ นิวคาสเซิ่ล
มองภาพรวมง่ายๆ คือหลังจบเกมในแมตช์เดย์ที่ 25 พลพรรค “ปืนใหญ่” ยังคงนำเป็นจ่าฝูง มีแต้มมากว่าอันดับ 2 อย่าง นิวคาสเซิ่ล 5 คะแนน และมากกว่าอันดับ 3 อย่างทัพ “ปีศาจแดง” 6 แต้ม ซึ่งกับโปรแกมที่เหลือคือการเข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้ว โดนบ่อนพนันที่ถูกกฎหมายถึงกับยกธงขาวว่า ใครที่หยอด อาร์เซนอล เป็นแชมป์ มารับเงินได้เลย
ทว่าสถานการณ์เริ่มพลิกช่วงเกมที่ 32 ซึ่งจบสัปดาห์ดังกล่าว อาร์เซน่อล ยังคงเป็นจ่าฝูงที่ผลต่างประตูได้-เสีย ที่ดีกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เท่านั้น และหลังจากนั้นกลายเป็น “ปีศาจแดง” ที่มาเร่งแซงคว้าชัยแบบรัวๆ ต่างจากทัพ “ปืนใหญ่” ที่มีสะดุดแพ้ แบล็คเบิร์น กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด รวมไปถึงเสมอกับ แอสตัน วิลล่า
กลายเป็นว่าบทสรุปในฤดูกาลดังกล่าว ยูไนเต็ด มาพลิกสถานการณ์ช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนเถลิงบัลลังก์ครองแชมป์ไปแบบหน้าตาเฉย ส่วน อาร์เซน่อล ทำถ้วยหลุดมือไปแบบดื้อ ๆ เช่นกัน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2011-12
อีกหนึ่งฤดูกาลที่เต็มไปด้วยความดราม่าเป็นอย่างมาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลดังกล่าวกุมบังเหียนโดน โรแบร์โต้ มันชินี่ และในช่วงระหว่างซีซั่นเคยตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ไกลถึง 8 คะแนน มาแล้ว
ซึ่งจากระยะห่างดังกล่าว มันชินี่ เคยออกมายกธงขาวว่าไม่อาจไล่ทีมรวมเมืองทีมนี้ได้ทันอย่างแน่นอน ทว่าด้วยความแน่นอนของทัพ “ปีศาจแดง” ทั้งการสะดุดแพ้ วีแกน แอธเลติก เสมอ เอฟเวอร์ตัน และแพ้คู่แข่งลุ้นแชมป์ด้วยกันอย่าง “เรือใบสีฟ้า”
ทำให้สถานการณ์ก่อนลงเล่นเกมสุดท้ายทั้งคู่มีคะแนนเท่ากัน แต่ ซิตี้ มีผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า ซึ่งระหว่างลงสนามนัดสั่งลาฤดูกาล ยูไนเต็ด แข่งจบก่อนด้วยการบุกไปเอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งระหว่างนั้นอีกสนามสถานการณ์ของ “เรือใบสีฟ้า” ยังเสมอกับ ควีนพาร์ค เรนเจอร์ส
ทว่าเรื่องราวดราม่าก็เกิดขึ้นเมื่อ เซร์ติโอ อเกวโร่ มาสร้างปาฏิหาริย์ซัดประตูท้ายเกมแบบช่วยให้ทีมคว้า 3 คะแนนมาครอง พร้อมปาดคว้าแชมป์ด้วยผลต่างประตูได้-เสีย ที่ดีกว่า
ก่อนนำมาซึ่งวลีที่ติดหูจนมาถึงทุกวันนี้อย่าง “agueroooo” ที่ผู้บรรยายเปร่งเสียงออกมาระหว่างหัวหอกรายนี้ซัดประตูประวัติศาสตร์ให้ทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2013-14)
อีกหนึ่งลูกฮึดที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงออกมาให้ได้เห็น ก่อนเบียด ลิเวอร์พูล เข้าป้ายคว้าแชมป์ไปแบบหน้าตาเฉย
ฉากที่หลายคนยังคงจำได้ขึ้นใจในซีซั่นดังกล่าวคือช่วงที่ทัพ “หงส์แดง” มีแต้มทิ้งห่างถึง 9 แต้ม ทว่าพวกเขาดันมาสะดุดช่วงหลายๆ ทั้งเกมที่พลาดท่าพ่าย เชลซี หรือเสมอกับ คริสตัล พาเลซ จนทำให้ หลุยส์ ซัวเรซ เสียน้ำตาหลังจบเกม
ซึ่งสถานการณ์ก่อนลงเล่นเกมสุดท้าย ซิตี้ มีแต้มพลิกขึ้นมานำ ลิเวอร์พูล 2 คะแนน จ็อบง่ายๆ ของทัพ เรือใบ คือคว้าชัยชนะก็จะเพียงพอแล้วต่อการคว้าแชมป์ แน่นอนพวกเขาทำได้ด้วยการเอาชนะ เวสต์แฮม แม้ ลิเวอร์พูล จะได้ 3 แต้มเหมือนกัน แต่ก็ไม่เพียงพอในการกวดไล่ตาม
แน่นอนว่าส่วนประกอบสำคัญของ แมนฯ ซิตี้ ในปีนั้นคือความนิ่งที่มีมากกว่า พวกเขาคว้าชัยรวดในช่วง 5 เกมสุดท้าย แตกต่างจากคู่แข่งที่มาพลาดในห้วงเวลาท้ายๆ ของฤดูกาล
อาร์เซน่อล (1997-98)
ปีทองของ อาร์เซน่อล ที่สามารถเดินหน้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จ บวกกับซิวโทรฟี่ เอฟเอ คัพ มาเชยชมได้อีกหนึ่งรายการ
ซีซั่นนั่นทัพ “ปืนใหญ่” ภายใต้การทำทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ช่วงแรกๆ พวกเขาไม่ได้เกาะกลุ่มหัวตารางแต่อย่างใด มีเพียง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ แบล็คเบิร์น ที่ต่อสู้กันมาคะแนนไม่ได้หนีห่างกันมากเท่าไหร่นัก
จนกระทั่งเข้าสู้ช่วงสัปดาห์การแข่งขันที่ 26 ตอนนั้น อาร์เซน่อล ขยับขึ้นมารั้งรองจ่าฝูงมีแต้มตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด 11 คะแนน ทว่าลงสนามน้อยกว่าอยู่ 2 เกม แน่นอนเกมยังเหลืออีกมาก แต่ในทางปฎิบัติต้องบอกว่ายากพอสมควร
ทว่าด้วยขุมกำลังที่แข็งแกร่งคว้าชัยชนะติดต่อกันได้แบบสม่ำเสมอ ประจวบเหมาะกับที่ ยูไนเต็ด ที่สะดุดรายทางค่อนข้างเยอะทั้งเกมแพ้ อาร์เซน่อล คู่แข่งลุ้นแชมป์ด้วยกัน รวมไปถึงเสมอกับ เวสต์แฮม, ลิเวอร์พูล และ นิวคาสเซิ่ล
กลายเป็นว่าท้ายที่ อาร์เซน่อล เบียดเข้าป้ายคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองจากเคยโดนนำ 11 คะแนน กลายเป็นคว้าแชมป์ตอนเหลืออีก 2 นัดด้วยซ้ำ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (1995-96)
หนึ่งในครั้งที่การปาดหน้าคว้าแชมป์ของพรีเมียร์ลีกที่ถูกพูดถึงกันเป็นอย่างมาก เมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถแซง นิวคาสเซิ่ล คว้าโทรฟี่มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่
ในฤดูกาลดังกล่าวทัพ “สาลิกาดง” เคยมีช่วงที่ทำคะแนนนำหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด ไกลถึง 12 คะแนน ซึ่งตอนนั้นใครก็ต่างมองว่าทีมของ เควิน คีแกน มีโอกาสขีดเขียนประวัติศาสตร์คว้าแชมป์
ทว่าม้าแรงปลายคือทัพ “ปีศาจแดง” ในการคว้าชัยชนะมาครองได้อย่างต่อเนื่อง 15 เกมสุดท้ายของฤดูกาลพวกเขาแพ้เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น และคว้า 3 แต้มมาครองได้มากถึง 13 เกม ซึ่งเกมสำคัญหนึ่งในนั้นคือการบุกไปชนะทัพ “สาลิกาดง” ถึงถิ่น
หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือสงครามจิตวิทยาที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พยายามใส่ เควิน คีแกน และดูเหมือนนายใหญ่เลือดสก็อตต์จะไซโคตรงจุด จนกลายเป็น นิวคาสเซิ่ล เป๋กันไปเองจนพลาดเป้าไปแบบน่าเจ็บใจ
จบ 38 เกม ยูไนเต็ด คว้าแชมป์มาครอง พร้อมมีคะแนนเหนือ นิวคาสเซิ่ล 4 คะแนน พร้อมปิดฉากฤดูกาลด้วยโทรฟี่ เอฟเอ คัพ อีกหนึ่งรายการ เป็นดับเบิลแชมป์สุดยิ่งใหญ่