“มวยไทย-กุนขแมร์”ผู้ใหญ่ได้หน้าแต่นักมวยอดตาย

กลายเป็นเรื่องราวดราม่าในโลกโซเชี่ยลอีกสำหรับปัญหาขัดแย้งระหว่าง “มวยไทย”กับ”กุนขแมร์” ที่กลายเป็นข้อพิพาทในสังคมออนไลน์อย่างหนัก หลังจากที่ กัมพูชา ที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ซีเกมส์ในปีนี้ เปลี่ยนชื่อการแข่งขัน “มวยไทย”เป็น “กุนขแมร์” โดยใช้กติกาเดิมทุกอย่าง โดยอ้างว่าเป็นศิลปะการต่อสู้ดั้งเดิมของกัมพูชา นับจากนั้นก็เริ่มมีการเคลมการบลัฟกันสนุกปากในโลกโซเชี่ยล ลุกลามใหญ่โต จนถึงขั้นเลิกโปรโมเตอร์ชาวไทย ไม่กล้าจัดนักมวยกัมพูชาชกในรายการเพราะจะโดนแฟนมวยแอนตี้อย่างหนัก

และล่าสุด เมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา สุดสาคร ส.กลิ่นมี นักชกชาวไทยชื่อดังวัย 37 ปี เดินทางไปขึ้นชกกับ พรม สำนัง ยอดนักสู้ เขมร ที่ จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา โดยทั้งคู่พยายามแลกอาวุธกันอย่างสนุก ก่อนครบ 3 ยก กรรมการชูมือให้ พรม สำนัง เป็นฝ่ายชนะ สุดสาคร ส.กลิ่นมี ได้สำเร็จ สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนมวยชาวไทยเป็นจำนวนมาก

ขึ้นขนาดตามไปด่าใน เฟซบุ๊กส่วนตัวของ สุดสาคร มีการประนามหยามเหยียดว่า เป็นคนขายชาติเอาศักดิ์ศรีมวยไทยไปทิ้งที่กัมพูชา และก่อนหน้าการชก สุดสาคร ยังให้สัมภาษณ์ยกย่อง กุนขแมร์

โดยล่าสุด สุดสาคร ออกมาเปิดเผยว่า การชกรายการนี้เนื่องจากมีการติดต่อไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อนมีเรื่องพิพาทระหว่าง “มวยไทย”กับ “กุนขแมร์” ผมเป็นนักมวยอาชีพเมื่อเซ็นสัญญาชกแล้วก็ต้องรับผิดชอบขึ้นชกตามสัญญา ตัวเองต้องหาเงินเลี้ยงชีพ การชกมวยเป็นอาชีพของผม ส่วนเรื่องที่ให้สัมภาษณ์ยกย่องกุนขแมร์ ก่อนการชกนั้น ตัวเองเพียงแค่อยากให้

ที่ผ่านมาผมชกมวยไทยมาตั้งแต่ 6 ขวบ ผ่านสังเวียนมามากมายในต่างประเทศมาหลายครั้งหลายหน ผมชกอย่างเต็มที่เสมอ ผมอยากให้คนทั่วโลกได้รู้จักมวยไทย ผมเข้าใจแฟนมวยที่ผิดหวังในผลการแข่งขัน แต่ผมยืนยันว่าผมสู้อย่างสุดหัวใจทุกครั้ง แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า การชกมวยมันเป็นอาชีพ แต่หากมันทำให้คนไทยเสียใจ ก็อยากขอโทษทุกคนจากใจจริง แต่ยืนยันว่า มวยไทย คือชีวิตของผม ผมเกิดจากมวยไทย หาเลี้ยงชีพจากมวยไทย ไม่เคยมีความคิดเลยที่ว่าจะเอามวยไทยมาทำลาย อยากให้ทุกคนเข้าใจผมด้วย

เรื่องนี้ถือเป็นแค่ส่วนหนึ่งของประเด็นดราม่า ระหว่าง “มวยไทย”กับ”กุนขแมร์” ที่คนในระดับผู้นำหรือผู้บริหารสมาคมต้องการเครดิตให้กับฝ่ายของตัวเอง แต่ท้ายสุดแล้วคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดกลับเป็น “นักมวย” ทั้งของไทย และ กัมพูชา ที่หากินกันลำบากมากขึ้นอย่างน้อยตอนนี้ นักมวยไทย ที่จะไปชกที่กัมพูชา ก็คงคิดหนักมากขึ้น ขณะที่ นักมวยกัมพูชา โอกาสจะมาชกหากินในไทยก็ลำบาก เหมือนคำโบราณที่ว่า “ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ”