“แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได้”สุภาษิตนี้เป็นเรื่องจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธ โชคชะตาของคนเรามันพลิกชีวิตได้ในเสี้ยววินาที
เมื่อต้นปีก่อน ชื่อของ เจสซี่ “แบม”โรดรีเกซ นักชกหนุ่มจากเท็กซัส แทบไม่มีใครรู้จักเป็นแค่มวยพื้นๆ มีดีกรีแค่เป็น น้องชายของ โจชัว ฟรังโก้ แชมป์โลกรุ่น 115 ปอนด์ WBA (เรกูล่า) ได้เซ็นสัญญาเข้าสังกัดแมตช์รูม บ๊อกซิ่งโปรโมชั่น ของเอ็ดดี้ เฮิร์น ในฐานะมวยดาวรุ่ง
ทว่าเหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิตในไฟต์ชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต WBC “ที่ว่าง” ระหว่าง ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น อดีตแชมป์โลก 2 สมัย ชาวไทย กับ คาร์ลอส คูเอดราส อดีตแชมป์ชาวเม็กซิโก ซึ่งกำหนดชกกันที่ เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซน่า สหรัฐอเมริกา เมื่อ 5 ก.พ.2022 โดย เจสซี่ “แบม”โรดรีเกซ ชกร่วมศึกนี้ด้วยในฐานะมวยประกอบรายการ ทว่า ศรีสะเกษ เกิดป่วยกะทันหันก่อนชกไม่กี่วัน ทำให้ เอ็ดดี้ เฮิร์น เลือก “แบม” มาเป็นมวยแทน แต่ด้วยก่อนหน้านี้ พื้นเพ เขาเป็นมวย 108 ปอนด์ ที่เพิ่งจะขยับเลื่อนรุ่นมาชกในเวต 112 ปอนด์ แต่กลับต้องมาชิงแชมป์โลกในพิกัด 115 ปอนด์ หลายคนจึงมองว่า “แบม” ไม่น่าต้านกระดูกมวยของ คูเอดราส ได้แต่ผลปรากฏว่า “แบม”ทำได้ดีเกินคาดอาศัยความเร็วดักต่อยได้นับ 8 ยก 3 ก่อนจะชนะคะแนนไปอย่างเป็นเอกฉันทร์ คว้าแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต WBC มาครองแบบไม่มีใครคาดมาก่อน
และอีก 4 เดือนถัดมา วันที่ 25 มิ.ย.2022 เจสซี่ “แบม”โรดริเกซ ต้องเผชิญหน้ากับ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ที่เท็กซัส บ้านเกิด ซึ่งบรรดาเกจิวงการมวยก็มองว่า “แบม”ที่ไม่ใช่มวย 115 ปอนด์ธรรมชาติไม่น่าจะทนพลังหมัดของอดีตแชมป์โลกชาวไทยได้ ทว่าในการชกจริง แบม ก็ยังอาศัย ความเร็วที่จัดจ้าน และเบสิกการชกที่ยอดเยี่ยมดักต่อยก่อนจะเอาชนะ ทีเคโอ ศรีสะเกษ ที่ไม่เคยแพ้น็อกใครมา 13 ปีได้ในยกที่ 8 ป้องกันแชมป์โลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรก พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขาเป็นแชมป์โลกของจริงที่ไม่ได้เข็มขัดมาคาดเอวเพราะโชคช่วย
เจสซี่ “แบม”โรดริเกซ ในวัยแค่ 23 ปี กลายเป็นดาวดังที่แฟนมวยมองว่าจะขึ้นมาเขย่าบัลลังก์รุ่น 115 ปอนด์ กับ ฮวน ฟรานซิสโก้ เอสตราด้า ยอดมวยชาวเม็กซิโก
ทว่า “แบม”กลับตัดสินใจเลือกที่จะลดรุ่นลงไปชกในพิกัด 112 ปอนด์ โดยสละเข็มขัดแชมป์โลก 115 ปอนด์ WBC ไป และเลือกชิงแชมป์โลกรุ่นฟลายเวต องค์กรมวยโลก WBO ที่ว่าง กับ คริสเตียน กอนซาเลซ เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา โดย“แบม”เป็นฝ่ายชนะคะแนนไปอย่างดุเดือด คว้าแชมป์โลกมาครองเป็นเส้นที่ 2 ในเวลาแค่ 2 ปี พลิกชีวิต จากมวยโนเมน มาเป็น นักชกที่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นซูเปอร์สตาร์ในอนาคต
โชคชะตา เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่มันก็มีอยู่จริง ตอนนี้ประตูสู่การเป็นยอดมวยระดับโลกของ “แบม” ตั้งขวางอยู่ตรงหน้าแล้ว อยู่ที่ว่าเขาจะมีความสามารถพอที่จะเปิดมันได้หรือไม่เท่านั้นเอง