เหมือนที่ใครหลายคนเคยได้กล่าวไว้ว่าชีวิตนักฟุตบอลบางคนไม่ต่างอะไรจาก “พลุ” ที่ถูกจุดขึ้นฟ้า ให้แสงสว่างสวยงามเพียงช่วยพริบตา ก่อนจางหายไปในเวลาเพียงแปปเดียว
ซึ่งจากคำกล่าวดังกล่าวไม่ต่างอะไรจากชีวิตลูกหนังของ เดเล่ อัลลี อดีตมิดฟิลด์อนาคตไกลที่ถูกคาดหวังว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำมาของอังกฤษ และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในอนาคตอันใกล้
ย้อนกลับไป อัลลี เคยโชว์ผลงานจนผงาดคว้ารางวัล ดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกมาแล้ว แน่นอนว่ามันพอที่จะการันตีได้ไม่มากก็น้อยถึงฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม
ทว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้ชีวิตของ อัลลี พลิกผันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นนักเตะตกอับถูกไล่ออกจากทีมชุดใหญ่ของ เบซิคตัส มันเกิดอะไรขึ้นกับดาวรุ่งยอดเยี่ยมรายนี้ถึงทำให้ชีวิตนักฟุตบอลถึงกลายเป็นกราฟขาลงขนาดนี้
ดาวรุ่งที่น่าจับตามอง
ย้อนกลับไปสมัยที่ เดเล่ อัลลี ยังคงถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ “ดาวรุ่ง” เขาทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ และมีฝีเท้าที่อยู่เหนือกว่านักเตะในระดับเดียวกัน แม้ตอนนั้นจะค้าแข้งกับทีมในระดับลีก วัน อย่าง เอ็มเค ดอนส์
ตอนนั้นเจ้าตัวถูกเรียกตัวไปติดทีมชาติอังกฤษไล่มาตั้งแต่ชุด ยู-17, ยู-18, ยู-19 และ ยู-21 จนกระทั่งช่วงปี 2015 เป็น สเปอร์ส ที่ได้ตัวแข้งรายนี้ไปครอง สนนราคาค่าตัวอยู่ที่ 5 ล้านปอนด์
ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่าสูงเอาการกับนักเตะดาวรุ่งที่ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองอะไรมากนัก แถมมาจากลีกรอง ประสบการณ์ไม่ได้เยอะแยะอะไร ทว่าสุดท้ายมันก็อยู่ที่การพิสูจน์ตัวเองว่ามีดีมากพอไหม เมื่อต้องมาวัดกับเหล่าเสือ สิงห์ ในศึกพรีเมียร์ลีก
ทว่าทุกคำตอบได้รับคำตอบในช่วงเวลาเพียงไม่นาน ซีซั่น 2015-16 ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ดาวรุ่งรายนี้สามารถพิสูจน์ตัวเองว่าดีพอเมื่อมาวัดกับเหล่ากระดูกเบอร์ใหญ่ จนกระทั่งสามารถสถาปนาตัวเองกลายเป็นตัวหลักของทีมได้สำเร็จ
ซีซั่นแรกบนเวที พรีเมียร์ลีก เจ้าตัวได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงมากถึง 28 เกม ซึ่งถือว่าเยอะมากกับหนุ่มน้อยในวันนั้น และกลายเป็นจุดพลิกผันแรกที่ทำให้ชีวิตลูกหนังของเขาเติบโตมากยิ่งขึ้น
หนึ่งในหลักฐานความยอดเยี่ยมคือการคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมจาก PFA 2 สมัย ในปี 2026 กับ 2017 อีกทั้งช่วยยกระดับเกมรุกของ สเปอร์ส ได้อย่างน่าชื่นชม พาทัพ “ไก่เดือยทอง” ไปถึงรอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2019
แต่ถ้าเรื่องราวดังกล่าวคือแสงสว่างที่ตัวเขาจุดติดขึ้นมาด้วยฝีเท้าของตัวเอง วงเวลาหลังจากนั้นเหมือนกราฟชีวิตที่เริ่มปักหัวทิ่มลง ผลงานเริ่มดร็อป มาตรฐานที่เคยทำไว้ห่างหาย จนทำให้ชื่อของ เดเล่ อัลลี เริ่มจางหาย พร้อมเสียงวิจารณ์ที่ถาโถม
น้ามู ก็เปลี่ยนชีวิตไม่ได้
ย้อนกลับไปช่วงเดือนพฤศจิกายน 2019 สเปอร์ส ได้ทำการแต่งตั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทัพ และหนึ่งในประเด็นแรกๆ คือการเค้นฟอร์มเก่งของแข้งรายนี้ให้กลับมาเป็น เดเล่ อัลลี คนเก่าให้ได้
ช่วงแรกภายใต้การทำงานกับ มูรินโญ่ เจ้าตัวทำผลงานได้อย่างร้อนแรง 4 นัดแรก อัลลี กระหน่ำไป 3 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ ซึ่งเหมือนเขาได้กลับมาเกิดอีกครั้ง ผลงานดี มีสถิติที่สามารถจับต้องได้ ทว่ามันก็คล้ายภาพลวงตาที่สร้างขึ้นมา เพราะหลังจากนั้นก็เหมือนเส้นทางจะหักเหไปอีกฝั่ง
ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญทำชีวิตของ อัลลี พังยับไม่เป็นทางคือเรื่องราวนอกสนาม มูรินโญ่ เคยนิยามอดีตลูกทีมรายนี้ว่าเป็นนักเตะที่ “โคตรขี้เกียจ” แถมชอบปาร์ตี้ ชอบเที่ยว ไม่ตั้งใจฝึกซ้อม
ครั้งหนึ่ง “น้ามู” เคยออกมาเตือนสถิ อัลลี แบบตรงๆ ว่า “ผมอยากให้คุณคิดเอาเองว่า ทำไมคุณถึงมีช่วงเวลาที่รุ่งเรือง จาก เอ็มเค ดอนส์ และ ได้ย้ายมาเล่นให้กับสเปอร์ส จนก้าวติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ กราฟชีวิตคุณพุ่งขึ้นสูงมาก แต่แล้วจู่ๆ มันก็ขึ้นๆลงๆ และ ก็ร่วงลงไปอีก มันเป็นแบบนี้อยู่ตลอด”
“วันหนึ่งข้างหน้า นายจะเสียใจ ถ้านายไปไม่ถึงระดับที่นายสามารถไปถึงได้”
หลังจากนั้นไม่นาน อัลลี ก็ถูกลดสถานะลงเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเปลี่ยนกุนซือจาก มูรินโญ่ เป็น ไรอัน เมสัน, นูโน่ เอสเปริโต ซานโต หรือ อันโตนิโอ คอนเต้ สถานะคือตัวสำรองอย่างสมบูรณ์แบบ จนกระทั่งเกิดการย้ายทีมในช่วงเดือนมกราคม 2022 สู่ยูนิฟอร์มของ เอฟเวอร์ตัน คู่แข่งร่วมทีม
การย้ายไปร่วมทัพ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ย่อมเหมือนเป็นการชุบชีวิตของเขาให้กลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นอีกครั้ง ทว่าภาพที่ปรากฎกลับออกมาในรูปแบบตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง
อัลลี ลงเล่นให้กับ เอฟเวอร์ตัน ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปแค่ 11 นัด เป็นตัวจริงแค่ 1 เกม และไม่สามารถทำประตูได้เลย ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บอร์ดบริหารตัดสินใจปล่อยตัวให้ เบซิคตัส ยืมใช้งานทันที ทั้งที่เพิ่งได้ร่วมงานกันเพียง6 เดือนเศษ ๆ เท่านั้น
ล้มเหลวที่ เบซิคตัส
ถ้าที่อังกฤษมันคือช่วงชีวิตขาลง การย้ายไปตุรกีร่วมทัพ เบซิคตัส คงเป็นหายนะชั้นดีของเขาที่ต้องเผชิญ
ผลงานไม่เป็นไปตามเป้า กระแสจากแฟนบอลออกมาในด้านลบ เคยมีเกมหนึ่งที่เจ้าตัวถูกส่งลงสนามไปเพียง 28 นาที ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม พร้อมเสียงโห่จากแฟนบอลแบบทั่วทุกสารทิศ
แน่นอนเมื่อความคาดหวังสูง เมื่อผลงานออกมาน่าผิดหวัง ผลลัพธ์ทุกอย่างก็อย่างที่ได้กล่าวไป อัลลี ถูกวิจารณ์ว่าเป็นตัวถ่วงของ เบซิคตัส หากยังให้อยู่กับทีมต่อไป
และกับเหตุการณ์ล่าสุดมันยิ่งตอกย้ำว่า อัลลี คือส่วนเกินของทีมคือสโมสร เมื่อ เซนอล กูเนส เฮดโค้ชของ ทีมได้ไล่ลูกทีมรายนี้ออกจากทีมชุดใหญ่ และไม่มีแผนที่จะใช้งานเขาอีกแล้วตลอดฤดูกาลที่ยังคงหลงเหลืออยู่
เท่ากับ อัลลี เพิ่งลงสนามให้กับ เบซิคตัส ไปเพียง 15 เกมเท่านั้น และจะไม่ถูกใช้งานอีกเลยนับตั้งแต่นี้จนกระทั่งจบซีซั่น
ส่วนเรื่องสัญญาเจ้าตัวยังคงมีกับ เอฟเวอร์ตัน ไปจนกระทั่งถึงปี 2024 แต่กระนั้นพวกเขาคงไม่อยากเก็บแข้งรายนี้เอาไว้กับทีม และคงพยายามหาวิธีทางโละนักเตะรายนี้ออกจากทีมเช่นกัน
จากดาวรุ่งฟอร์มแรงที่ได้รับขนานนามว่าคืออนาคตของทีมชาติอังกฤษ สู่นักเตะที่ตกอับทั้งที่เพิ่งวัย 26 ปี เพียงเท่านั้น
แน่นอนกับตัวเลขดังกล่าวยังมีเวลาอีกมากโขให้เขาได้ปรับทัศนคติ และกลับมาสู่การเล่นฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งเหมือนในอดีต ทว่าสุดท้ายก็อยู่ที่ตัวของ เดเล่ อัลลี เอง ว่าจะเลือกทางเดินในรูปแบบไหน
ครั้งหนึ่งเคยโด่งดังมาจาก 2 เท้าของตัวเอง การพาตัวเองกลับมาอีกครั้งก็ต้องพิสูจน์ด้วย 2 เท้าคู่นั้นอีกครั้งหนึ่ง