“ศรีสะเกษ”ขออุ่น 2 ไฟต์ ก่อนลุ้นชิงแชมป์โลกอีกสมัย

กลับคืนสู่สังเวียนผืนผ้าใบเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือนเต็มสำหรับ “เจ้าแหลม”ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น อดีตแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต WBC 2 สมัย วัย 36 ปีที่ขึ้นชกอุ่นเครื่อง พิกัด 120 ปอนด์ ชนะTKO ไมค์ พ.ธวัชชัย อดีตแชมป์ IBF Pan Pacific ยก 3 เมื่อวันเสาร์ที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา

ฟอร์มโดยร่วมของศรีสะเกษ ไฟต์นี้ถือว่าพอใช้ได้ แม้จะดูอืดๆไปบ้างแต่ก็เข้าใจได้กับมวยที่หยุดชกไปเกือบปี

โดยไฟต์ก่อนหน้านี้ที่ศรีสะเกษชก คือการชิงแชมป์โลกรุ่น 115 ปอนด์ WBC แพ้ TKO เจสซี่ โรดริเกวซ ยก 8 เมื่อ 25 มิ.ย.2022 ที่ ซาน อันโตนิโอ รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา

หลังจากพลาดหวังในการทวงเข็มขัดแชมป์โลกมาครองเป็นสมัย 3 ข่าวคราวของศรีสะเกษ ก็เงียบหายไปพักใหญ่ แม้ว่าในช่วงที่เดินทางกลับถึงไทย “เสี่ยฮุย”สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ หัวหน้าคณะจะยืนยันว่า ศรีสะเกษ ยังเหลือสัญญาการชกกับทาง แมตช์รูม บ๊อกซิ่งโปรโมชั่น ต้นสังกัดที่สหรัฐอเมริกา อีก 1 ไฟต์ จะพักแค่ไม่กี่สัปดาห์และจะกลับมาเข้าค่ายเตรียมตัวชกทันที

แฟนมวยชาวไทยต่างเฝ้ารอการคัมแบ็กของศรีสะเกษอย่าใจจดใจจอ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างไร จนหลายคนคิดว่า ศรีสะเกษ จะตัดสินใจแขวนนวมไปแล้ว

ทว่าเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา สภามวยโลก WBC ได้มีประกาศอันดับโลกของแต่ละรุ่นออกมา ปรากฏว่า ในรุ่น 115 ปอนด์ อันดับโลกของ ศรีสะเกษ ที่เดิมอยู่อันดับ 5 ขยับขึ้นมาอันดับ 4 ทั้งๆที่หยุดชกไปหลายเดือน

จนล่าสุด ศรีสะเกษ กลับมาอุ่นเครื่องชนะTKO ไปอย่างสวยงาม เป็นสัญญาน บอกว่า เขายังมีโอกาสกลับไปทวงเข็มขัดแชมป์โลกอีกครั้ง

โดย หลังการชก “เสี่ยฮุย”เผยว่า “ศรีสะเกษยังมีพลังหมัดที่เฉียบขาด แต่ยังคงต้องดูร่างกายอีกหน่อย รวมทั้งการทำน้ำหนัก คิดว่าต้องให้อุ่นเครื่องอีก 2 ครั้ง ถึงจะพร้อมในการกลับมาล่าเข็มขัดแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 3 ตอนนี้อันดับโลกเราอยู่อันดับ 4 หากโชว์ฟอร์มได้ดีอีก 2 ครั้ง มีโอกาสขึ้นไปถึงอันดับ 1 ก็เป็นไปได้ อยู่ที่ว่าคู่ชกคนต่อๆไปจะมีคุณภาพมากแค่ไหน หากตนคิดว่าพร้อมแล้วก็จะคุยกับทางแมตช์รูมทันที ในไฟต์สุดท้ายตามสัญญาที่เหลืออยู่ นี่จะเป็นรถด่วนขบวนสุดท้ายของศรีสะเกษแล้ว โดยไฟต์ต่อไปนั้นจะให้อุ่นเครื่องต่อเนื่องในรายการ NKL boxing วันที่ 29 เมษายนนี้เลย ส่วนคู่ชกจะเป็นต่างชาติหรือคนไทยนั้นต้องพิจารณาอีกที”

ก็ต้องรอดูว่า ในการอุ่นเครื่องอีก 2 ครั้งที่ว่า ศรีสะเกษ จะเรียกฟอร์มเดิมๆกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน ถือเป็นด่านสำคัญ และเป็นบทพิสูจน์ ว่าดีพอหรือไม่กลับการกลับไปชิงแชมป์โลกอีกครั้ง