ชาบี อลอนโซ่ เปลี่ยนโลก เลเวอร์คูเซ่น

ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น กลับมาสดใสขึ้นเยอะเมื่อเทียบกับช่วงต้นซีซั่น ซึ่งสถานการณ์ปวดหัว แน่นอนว่าต้องยกความดีความชอบให้กับผู้ชายที่ชื่อ ชาบี อลอนโซ่ เพราะการมาของเขาได้ช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่าง และช่วยให้พลพรรค “ห้างขายยา” ยกระดับตัวเองขึ้นแบบเห็นได้ชัด ดังนั้นเรามาดูกันหน่อยดีกว่าว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปภายในทีมจนถึงตอนนี้นั้นมีอะไรกันบ้าง ?

แต่งตั้ง ชาบี อลอนโซ่

ชาบี อลอนโซ่ ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่แทนที่ เกราร์โด้ โซโออาเน่ เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมซึ่งเป็นช่วงที่สโมสรกำลังระส่ำหนักแต่จมอยู่อันดับรองบ๊วยของตาราง บุนเดสลีกา ทั้งๆ ที่สโมสรระดับ เลเวอร์คูเซ่น เป็นทีมที่มีคุณภาพ มีชื่อชั้น สามารถหากุนซือฝีมือดีและมากประสบการณ์มารับช่วงต่อได้ แต่พวกเขากลับเดิมพันด้วยการเลือก ชาบี อลอนโซ่ ที่ยังไม่มีประสบการณ์คุมทีมในระดับสูงมาก่อน

เขาเริ่มต้นความรับผิดชอบใหม่ด้วยการเปิดบ้านถล่ม ชาลเก้ 04 ไป 4-0 แต่จากนั้นก็เหมือนจะเป็นช่วงที่ปรับตัว ลองผิดลองถูก ผลงานเลยไม่ได้เป็นอย่างที่ใจหวังด้วยการแพ้ 3 และเสมอ 3 นัดในอีก 6 เกมต่อมา แต่ก่อนจะถึงช่วงพักเบรก ฟุตบอลโลก 2022 ก็เหมือนจะมีทิศทางที่ดีขึ้นที่ชนะ 3 จาก 4 เกมและไม่แพ้ใคร ยิงได้ 9 ประตู เสียประตูเดียว และเก็บได้ 3 คลีนชีทด้วยกัน

พอจบทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่ กาตาร์ ชาบี ก็เปิดหัวเลกสองได้อย่างสวยหรูด้วยการชนะเกมลีก 4 นัดติด และพาทีมไต่ขึ้นมาอยู่อันดับ 9 จากเดิมแรกเริ่มอยู่ที่ 16 และกลับมามีลุ้นโควต้าฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง

ปรับตัวเข้ากับทีม

สมัยเป็นนักเตะ ชาบี อลอนโซ่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักฟุตบอลที่อัจฉริยะ ครองบอลดีและมีทักษะการผ่านบอลที่แม่นยำ นั่นคือสิ่งที่เป็นจุดเด่นของเขาเลยทั้งตอนเล่นให้ ลิเวอร์พูล, เรอัล มาดริด และ ทีมชาติสเปน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จมากมาย

หลายๆ ฝ่ายคาดว่าเขาจะนำสิ่งที่เป็นตัวตนมาปรับใช้กับการทำทีมที่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แต่สุดท้ายมันกลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม โดยตัวของ อลอนโซ่ เลือกที่จะฝืนธรรมชาติและวางแผนวางระบบจากทรัพยากรที่มีอยู่ในทีมว่ามีผู้เล่นแบบไหนบ้างและพยายามงัดสิ่งที่ดีที่สุดออกมา

ชาบี อลอนโซ่ ใช้แผน 3-4-3 อาศัยความรัดกุมและความแน่นหนาในเกมตรงกลางเพื่อช่วยเกมรับ และอาศัยการโจมตีศัตรูและสวนกลับจากเกมริมเส้นเป็นหลัก ถึงช่วงแรกๆ จะยังดูไม่เข้าที่เข้าทางโดยเฉพาะเกมที่บุกไปโดน ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ยำ 5-1 แต่จากนั้นมันก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยจะเห็นได้ชัดๆ ก็ตอนช่วงเดือนพฤศิกายนถึงปลายเดือนมกราคมที่ ชนะ 5 เกมรวด เก็บได้ 3 คลีนชีท และกดไป 14 ประตูซึ่งนั่นแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่ชัดเจนมากๆ  

ซ้อมแบบลับ ๆ 

ผู้จัดการทีมหลายๆ คนอาจจะไม่ได้ซีเรียสนักที่ปล่อยให้พวกสื่อมวลชนหรือแฟนบอลได้เข้ามาชมข้างสนามเมื่อยามนักเตะซ้อมกับทีม แต่สำหรับ ชาบี อลอนโซ่ ค่อนข้างจะให้ความสำคัญและใส่ใจกับรายละเอียดตรงนี้ เพราะในช่วงที่พักเบรกช่วง ฟุตบอลโลก เขาสั่งให้นักเตะซ้อมแบบปิดสนามและไม่ให้ใครเข้ามามาชมหรือมาทำข่าวแม้แต่คนเดียว และมันก็เห็นผลจริงๆ เพราะในช่วงที่ลีกกลับมาเตะหลังหมดเบรก เลเวอร์คูเซ่น ก็ชนะได้ 2 เกมติดต่อกัน

จากนั้นอีก 7 เกมหลังจากนั้นจนถึงตอนนี้ผลงานก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ชนะ 3 เสมอ 1 และแพ้ 3 นัด ถึงจะมีการพบปราชัยไปถึง 3 นัดแต่ถ้าได้ติดตามเกมจะเห็นได้ว่าทีมของเขาสู้ได้ดีและสร้างปัญหาให้คู่แข่งได้มากมายทุกนัด

แบบอย่างที่ดี

ผู้เล่นที่ดีที่สุดหรือได้ชื่อว่าเป็นระดับตำนานหรือ เวิลด์ คลาส มันไม่ได้การันตีว่าคุณจะประสบความสำเร็จไปด้วยในเส้นทางสายกุนซือ ดูอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็ต้องเจอกับงานที่ยากลำบากที่ แอสตัน วิลล่า ใน พรีเมียร์ลีก เขาโดนสั่งปลดออกจากตำแหน่งไปทั้งๆ ที่คุมทีมได้ไม่ถึงปี เช่นเดียวกับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ก็ตกที่นั่งลำบากกับชีวิตที่ เอฟเวอร์ตัน เช่นกัน

อย่างไรก็ตามการได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นชื่อดังและมีชื่อเสียงมาก่อนมันก็ช่วยสร้างแรงบันดาลใจที่ดีให้กับนักเตะในทีมได้ เพราะสำหรับ ชาบี อลอนโซ่ แล้วก็ถือเป็นนักเตะที่เด็กรุ่นใหม่ยกให้เป็นแบบอย่างที่ดีหรือ ไอดอล

ยกตัวอย่างเช่น ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกมของทีมที่พูดถึง ชาบี อลอนโซ่ ว่า “คุณสังเกตได้อย่างแน่นอนในห้องแต่งตัวที่ตอนนี้เรากำลังทำงานร่วมกับคนที่เคยคว้าแชมป์มามากมายสมัยเป็นนักเตะซึ่งนั่นเป็นบางสิ่งที่คุณเองก็ใฝ่ฝัน มันเป็นเรื่องที่ดีที่มันมีคนที่สามารถเป็นแบบอย่างและให้คำแนะนำดีๆ กับคุณได้”

จากสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ถือว่ามีส่วนที่ทำให้นักเตะหลายๆ คนเชื่อฟัง เคารพ ที่เลือกที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำต่างๆ และมันก็เห็นผลค่อนข้างชัดว่าฟอร์มของดีนั้นดูดีขึ้นจริงไม่มากก็น้อย

เชื่อมั่นในดาวรุ่ง

ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ชุดนี้เป็นทีมที่มีผู้เล่นดาวรุ่งอยู่ในทีมมากมายหลายคน แต่ก็ต้องประสบปัญหาเรื่องขาดความมั่นใจจากผลงานที่เหลวแหลกในช่วงต้นซีซั่น และแต่ละคนก็แทบจะหวังผลเรื่องการผลิตสกอร์ไม่ได้เลยเมื่อผู้เล่นอย่าง ซาดาร์ อาซมูน, พาทริค ชีค และ คาริม เบลลาราบี้ ที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวความหวังกลับยิงรวมกันไปแค่ 6 ประตูเท่านั้น

แต่ ชาบี อลอนโซ่ กลับเลือกที่จะอยู่เคียงข้างพวกเด็กรุ่นใหม่และปลูกฝัง คอยผลักดันในสิ่งต่างๆ จนหลายๆ คนนั้นกลับมามีผลงานที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งไม่ว่าจะเป็น มุสซ่า ดิยาบี้ ที่ทำประตูไม่ได้เลยตลอด 8 เกมแรก แต่ตอนนี้ในช่วง 15 เกมหลังสุดเขากลับมีส่วนร่วมถึง 12 ประตูจากการยิง 8 ประตู ทำ 4 แอสซิสต์ เป็นดาวซัลโวของทีม

ส่วนทาง เฌเรมี่ ฟริมปง วัย 22 ปีถึงจะเป็นผู้เล่นตำแหน่งวิงแบ็กแต่กลับมีส่วนร่วมกับประตูมากมายจากการยิง 7 ประตูและกดไปอีก 5 แอสซิสต์ และมันก็ยังมีอีกหลายคนที่ได้รับออร่าบัพความสามารถจาก ชาบี อลอนโซ่ ผู้นี้

สถานการณ์ปัจจุบัน

จากหลายๆ สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยมือของ ชาบี อลอนโซ่ ทำให้ตอนนี้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น รั้งอยู่อันดับ 9 ในตาราง บุนเดสลีกา แข่ง 24 นัด มี 34 คะแนน ตามหลังพื้นที่ฟุตบอลยุโรปอยู่ 6 คะแนน นั่นทำให้แฟนๆ และผู้เล่นในทีมกลับมามีความหวังอีกครั้งในช่วง 10 เกมที่เหลืออยู่

ส่วนในเวทียุโรปก็ยังอยู่ในเส้นทางที่ดีบนเวที ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งเกมแรกพวกเขาเปิดบ้านจบ เฟเรนซ์วารอส ไป 2-0 มีโอกาสได้ไปต่อสูงมากในการลุ้นควาสำเร็จถ้วยแชมป์ใบแรกในรอบ 30 ปี

สุดท้ายนี้ก็ไม่มีอะไรจะพูดมากนักถึง ชาบี อลอนโซ่ เพราะนี่คือคนที่มาเปลี่ยน มาพลิกสถานการณ์ที่ “ห้างขายยา” อย่างแท้จริง และก็คู่ควรได้รับเครดิตความดีความชอบไปเต็มๆ 100 เปอร์เซนต์อย่างไร้ข้อกังขาใดๆ