การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบสูตรหนึ่ง หรือ ฟอร์มูลา วัน F1 ในปี 2023 ผ่านพ้นไปแล้ว 2 เรซ จากทั้งหมด 23 เรซ ที่จะทำการแข่งขันกันในปีนี้ เพิ่มจากปี 2022 มา 1 เรซ คือ ลาส เวกัส กรังด์ปรีซ์ ที่จะทำการแข่งขันกันที่ ลาส เวกัส สตริป เซอร์กิต ประเดิมเป็นปีแรก โดยจะเป็นการแข่งขันในเรซที่ 22 ซึ่งเป็นเรซ รองสุดท้าย ในวันที่ 18 พ.ย.นี้
โดย 2 เรซที่ผ่านมา ทำการแข่งขันในแถบตะวันออกกลาง เริ่มที่ บาห์เรน กรังปรีซ์ และ ซาอุดีอาระเบียน กรังด์ปรีซ์
ซึ่งผลปรากฏว่า เรดบูลล์ เรซซิ่ง กวาดแชมป์และรองแชมป์ ไปทั้งสองเรซ โดยที่ บาห์เรน แม็กซ์ เวอร์สแต็พเพ่น แชมป์โลกชาวดัตช์ เมื่อฤดูกาลก่อนประเดิมชัยได้ตั้งแต่เรซแรกของการแข่งขันในปีนี้ โดยมี เซอร์จิโอ เปเรซ ทีมเมตชาวเม็กซิกัน ตามมาเป็นอันดับสอง และ เฟอร์นานโด อลองโซ อดีตแชมป์โลก 2 สมัยชาวสเปนวัย 41 ปี จากทีม แอสตัน มาร์ติน เข้าเป็นอันดับ 3 ขณะที่ ลูอิส แฮมิลตัน อดีตแชมป์โลก 7 สมัยชาวอังกฤษ จากทีมเมอร์ซิเดส เข้ามาเป็นอันดับ 5 แต่เวลาตามหลัง แชมป์สนามนี้ เกือบ 51 วินาที
ส่วนสนามที่ผ่านมา ที่ ซาอุดีอาระเบีย ผลปรากฏว่า เปเรซ ที่ได้ตำแหน่งโพลโพซิชั่น เข้าเส้นชัยเป็นคันแรก คว้าแชมป์ในสนามนี้ไปครอง ขณะที่ แม็กซ์ เวอร์สแต็พเพ่น แม้จะควอลิฟายไม่ดี ออกสตาร์ทจะกริดที่ 15 แต่ก็ยังไล่แซง จนจบในอันดับ 2 เพราะทำ เวลาต่อรอบเร็วสุดในสนามนี้ได้โบนัสอีก 1 คะแนน ทำให้คะแนนสะสม มี 44 แต้มนำหน้า เปเรซ ที่มี 43 คะแนนอยู่แต้มเดียว
ส่วนอันดับสาม สนามนี้ มีดราม่า เล็กน้อยเมื่อ อลองโซ่ พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าอันดับ 3 จากสนามที่แล้วไม่ใช่เพราะโชคดี ขับเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 3 อีกครั้ง พร้อมทำสถิติขึ้นโพเดี้ยม เอฟวัน เป็นครั้งที่ 100 แม้ว่าตอนแรก FIA จะลงโทษปรับเพิ่ม เวลา 15 จากการทำผิดกฏระหว่างการแข่งขัน ส่งผลให้ อลองโซ หล่นไปอยู่อันดับ 4 แล้ว ให้ จอร์จ รัสเซล จาก เมอร์ซิเดส รับตำแหน่งอันดับ 3 แทน ทว่า ทางทีมงานของ แอสตัน มาร์ติน ทำเรื่องอุทรณ์ทันทีเพราะส่งหลักฐานชี้แจ้งยืนยันว่าไม่ได้ทำผิดกฏ ซึ่งทาง FIA รับเรื่องและกลับคำตัดสินคืนตำแหน่งอันดับ 3 ให้ อลองโซ ไป
ขณะที่ แฮมิลตัน เรซ นี้ดีขึ้นจบในอันดับ 5 แต่เวลาตามหลัง เปเรซ ถึง 31 วินาที ส่วน รัสเซล ที่จบอันดับ 4 เวลาตามหลัง เกือบ 26 วินาที
ภายหลังผ่านไป 2 เรซ แฮมิลตัน ถึงกับเอ่ยปากว่า รถของ เรดบูลส์ ที่ฤดูกาลนี้ใช้ โมเดลรถรุ่นใหม่อย่าง RB19 ที่เหนือกว่า โมเดลเก่าอย่าง RB18 เมื่อปีที่แล้วซึ่งก็พาทีมคว้าแชมป์โลกมากได้ อย่างมาก แม้ทาง เมอร์ซิเดส จะเปลี่ยน โมเดล รถจาก W13 เมื่อปีก่อน มาเป็น W14 ในปีนี้แต่ก็ดูเหมือนว่า ระยะห่าง ระหว่าง เรดบูลล์ กับ เมอร์ซิเดส มีมากกว่าเดิม
ระยะห่าง สนามแรก 51 วินาที กับ สนามสอง 26 วินาที ในวงการ F1 มันเป็นช่วงเวลาที่ต่างกันมากอย่างเห็นได้ชัด พูดง่ายๆคือไม่มีทางเลยที่ รถของ เมอร์ซิเดส ,เฟอร์รารี่ หรือ แอสตัน มาร์ติน ที่จบอันดับ 3 มาสองสนามจะแซง รถของเรดบูลล์ ได้ ถ้ารถไม่ขัดข้องทางเทคนิก หรือ ประสบอุบัติเหตุ
บรรดา ผู้สัดทันกรณีวงการมอเตอร์สปอร์ตต่างวิเคราะห์ว่าในฤดูกาลนี้การลุ้นแชมป์ F1 อาจจะไม่ตื่นเต้นเหมือนปีก่อนๆ เพราะอาจจะเป็นการแย่งแชมป์กันเองระหว่าง เวอร์สแต็พเพ่น กับ เปเรซ เนื่องด้วยคุณภาพรถของเรดบูลล์ ในปีนี้เหนือกว่าคู่แข่งเป็นอย่างมากนั้นเอง
ก็ต้องมาดูว่า คำวิจารณ์ที่ว่าจะเป็นจริงตามนั้นหรือไม่ เรซ 3 ที่ ออสเตรเลีย กรังด์ปรีซ์ และ เรซ 4 ที่ อาเซอร์ไบจาน กรังด์ปรีซ์ ในเดือนเมษายน นี้ หาก 2 นักขับจากเรดบูลล์ ยังขึ้นโพเดี้ยมได้อีก ก็คงเป็นไปตามนั้น เราอาจจะได้แชมป์โลก F1 กันแต่เนิ่นๆเลยทีเดียว แต่หาก มีรถจากค่ายอื่นเบียดแซงแย่งโพเดี้ยมจาก เรดบูลล์ ได้ F1 ฤดูกาลนี้ก็น่าจะได้ลุ้นกันสนุกมากขึ้น