ซีเกมส์กัมพูชา2023 ที่แสนวุ่นวายกับปัญหานานับประการ

               มหกรรมซีเกมส์ครั้งที่ 32 ประเทศกัมพูชา ได้รับหน้าที่ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคม 2566 ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาซีเกมส์อย่างเป็นทางการ หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อปี 1963 กัมพูชาถูกกำหนดให้เป็นเจ้าภาพ แต่ต้องเลื่อนการแข่งขันออกไป เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในขณะนั้น

               โดยซีเกมส์ครั้งนี้ มีการเหรียญรางวัลชิงชัยถึง 608 เหรียญทอง จากทั้งหมด 36 ชนิดกีฬา ซึ่งถือว่ามากที่สุดกว่าซีเกมส์ทุกครั้งที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ 64 ปี

               อย่างไรก็ตาม ซีเกมส์ ครั้งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักตั้งแต่ยังไม่เริ่มการแข่งขัน ทั้งชนิดกีฬาที่บรรจุ รวมถึงกฏระเบียบที่ทางเจ้าภาพตั้งขึ้นมาเพื่อลดโอกาสชาติอื่นๆในการชิงเหรียญทอง

               ไล่ตั้งแต่ การเปลี่ยนชื่อ “มวยไทย”เป็น “กุน ขแมร์” เพราะทางเจ้าภาพอ้างว่า เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีลักษณะคล้ายกัน

               หรือ กีฬาเพาะกาย ที่ตอนแรกมีบรรจุแข่ง แต่พอ นักกีฬากัมพูชา ถูกตรวจพบสารต้องห้าม โดนแบนจากการแข่งขันระดับนานาชาติ ทำให้กัมพูชา ตัดกีฬาเพาะกาย ออกจากซีเกมส์ แบบดื้อๆ โดยแจ้งว่า ไม่มีนักกีฬาลงแข่ง

               รวมถึงกีฬารุ่นใหม่อย่าง อีสปอร์ต ก็ถอด Fifa Online และ ROV ออก และ บรรจุ Valorant ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในกัมพูชาเข้าไปแข่งขัน แทน

               นอกจากนี้ก็ยังมีกีฬาแปลกๆอย่าง กุน โบกาตอร์, อาร์นิส, ยูยิตสู, คิกบ๊อกซิ่ง, มาร์เชียลอาร์ต เกาหลีใต้ และโววีนั่ม รวมถึงกีฬาพื้นบ้านมากมาย ทั้ง ฟิน สวิมมิ่ง, วิ่งฝ่าอุปสรรค

               โดยสื่อมวลชน กัมพูชา เผยว่าทางฝ่ายจัดการแข่งขัน กัมพูชา มีเป้าหมายสำหรับการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งแรกที่ 103 เหรียญทอง 58 เหรียญเงิน 50 เหรียญทองแดง

ทั้งๆที่ กัมพูชา คว้าเหรียญทองจากการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งก่อนที่ประเทศเวียดนาม ด้วยผลงาน 9 เหรียญทอง 13 เหรียญเงิน และ 41 เหรียญทองแดง คว้าอันดับที่ 8 จาก 11 ชาติที่ร่วมชิงชัยเท่านั้น

เรียกได้ว่า เป็น ซีเกมส์ ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการกีฬาในภูมิภาคนี้เป็นอยากมากถึงความเหมาะสมในการที่เจ้าภาพจัดการแข่งขันเลือกชนิดกีฬาเข้าบรรจุได้ตามใจชอบเพียงแค่มี 4 ชาติจาก 11 ชาติสมาชิกรับรองร่วมแข่งขัน

เพราะหลายฝ่ายมองว่าการที่เจ้าภาพมุ่งแต่จะคว้าเหรียญทองจากกีฬาพื้นเมืองแบบนี้ไม่ได้ช่วยพัฒนาวงการกีฬาของอาเซียนเลย กลับจะเป็นการถอยหลังลงคลอง เพราะมัวแต่ไปเล่นกีฬาที่ชาติอื่นๆเขาไม่สนใจ

ล่าสุด คณะมนตรีซีเกมส์ ได้มีการประชุมถึงเรื่องนี้ที่จะกำลังในซีเกมส์ครั้งต่อๆไปจะต้องมีกีฬาสากลที่จัดแข่งขันโอลิมปิก เป็นชนิดกีฬาหลักที่ต้องจัดการแข่งขัน ส่วนกีฬาพื้นบ้านก็ต้องอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมกว่านี้

ก็ต้องมาดูว่าในอนาคต ซีเกมส์ จะมีการปรับปรุงแก้ไข อย่างที่กล่าวได้มากน้อยแค่ไหน ก่อนที่ ซีเกมส์ จะกลายเป็นกีฬาชนเผ่า เท่านั้น

และที่น่าสนใจคือ ซีเกมส์ในครั้งนี้ จะมีดราม่าอะไรตามมาอีกมากน้อยแค่ไหน เพราะขนาดยังไม่เริ่ม ก็ยังมีเรื่องราวร้อนฉ่า ทั้งในสื่อหลักและสื่อโซเชียล ให้ติดตามกันไม่เว้นแต่ละวันเลยทีเดียว