ฟุตบอลยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีค รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก
วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566
ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) – เรอัล มาดริด (สเปน)
เจ้าถิ่น “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมอันดับที่ 8 ของตารางพรีเมียร์ลีค อังกฤษ ผลงานช่วงหลังถือว่าดีขึ้น เก็บชัยชนะได้ 2 เกมติดในลีค โดยนัดล่าสุดคือการบุกไปเอาชนะหัวตารางอย่าง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-0 ส่วนผลงานในถ้วยนี้นัดล่าสุด คือการเปิดบ้านชนะนาโปลี 2-0
ความพร้อมของทีมในวันนี้ เยอร์เกน คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมันของลิเวอร์พูล ยังไม่มี ติอาโก อัลคันทารา ที่ยังเจ็บ แต่ตัวหลักๆ คนอื่นๆ อยู่กันพร้อมหน้า แนวรับวาง เวอร์จิล ฟาน ไดก์ กลับมาคุมแนวรับร่วมกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แดนกลาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีม คุมจังหวะเกมร่วมกับ ฟาบินโญ, สเตฟาน บายเซติช แดนหน้าวาง ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยหายเจ็บฟิตสมบูรณ์ ผนึกกำลัง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ และ โคดี กักโป ยืนเป็น 3 ประสานแดนหน้า
ด้านทีมเยือน “ราขันชุดขาว” เรอัล มาดริด ซึ่งเป็นแชมป์เก่าในรายการนี้ และชนะมา 4 เกมรวดในทุกรายการ ผลงานเกมล่าสุดคือการบุกชนะ โอซาซูน่า 2-0 ในเกมลีคเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนผลงานนัดล่าสุดในรายการนี้คือการเปิดบ้านถล่ม เซลติก 5-1
ความพร้อมเกมนี้ คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือชาวอิตาเลี่ยนของเรอัล มาดริด จะไม่มี โทนี โครส และ ออเรเลียง ชูอาเมนี ที่เจ็บ ขณะเดียวกันต้องเช็คอาการของ คาริม เบนเซมา กองหน้าชาวฝรั่งเศสก่อนหากฟิตไม่ทัน ทำให้ โรดรีโก จะได้ออกสตาร์ตตัวจริงผนึกกำลัง วินิซิอุส จูเนียร์, เฟเดริโก บัลเบร์เด ยืนเป็น 3 ประสานแดนหน้า ลูกา โมดริช กองกลางจอมเก๋าผนึกกำลัง ดานี เซบายอส, เอดูอาร์โด กามาวิงกา คุมเกมกลางสนาม แนวรับวาง อันโตนิโอ รูดิเกอร์, เอแดร์ มิลิเตา ยืนเป็นคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ
สถิติที่น่าสนใจ
- หลังจากที่ชนะราชันชุดขาวได้ 4-0 ในปี 2009 หลังจากนั้นมาอีก 6 คร้ังทัพหงส์แดงก็ไม่สามารถเอาชนะยอดทีมจากสเปนได้อีกเลย (แพ้ 5 เสมอ 1)
- แม้ว่าผลงานของลิเวอร์พูลในปีนี้จะไม่ดีนัก แต่เมื่อใดที่เล่นในแอนฟิลด์พวกเขายังมีผลงานที่ไว้ใจได้เสมอ โดยแพ้ไปแค่เกมเดียวจาก 10 เกมหลังสุด (ชนะ 6 เสมอ 3)
- เรอัล มาดริด มาเยือนที่อังกฤษ 6 ครั้งหลังสุด ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 2
- เรอัล มาดริด บุกมาแอนฟิลด์ 2 ครั้งหลังสุดไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว (ชนะ 3-0 , เสมอ 0-0)
สกอร์ที่คาด : เสมอ 1-1 หรือลิเวอร์พูลชนะ 2-1
ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต (เยอรมนี) – นาโปลี (อิตาลี)
เจ้าบ้าน แฟร้งค์เฟิร์ต ทีมอันดับ 6 ของตารางบุนเดสลีกา เยอรมนี ผลงานกำลังดี ชนะได้ 3 จาก 4 เกมหลังสุด ผลงานนัดล่าสุดคือการเปิดบ้านอัด แวร์เดอร์ เบรเมน 2-0 ส่วนผลงานล่าสุดในถ้วยนี้ คือการบุกชนะ สปอร์ติ้ง ลิสบอน 2-1
ความพร้อมเกมนี้ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ เทรนเนอร์แฟร้งค์เฟิร์ต ไม่มีปัญหาอะไรรบกวนเพิ่มเติม ขาดแค่เอริค ดิน่า เอบิมเบ้ (ข้อเท้า) ที่เดี้ยงอยู่ก่อนแล้ว ขณะที่แกนหลักรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเควิน ทรัปป์, เอว็อง เอ็นดิคก้า, ตูต้า, ไดจิ คามาดะ, ฌิบริล โซว์ , เยสเปอร์ ลินด์สตรอม, มาริโอ เกิทเซ่ และ ร็องดัล โกโล มูอานี่ ต่างพร้อมบู๊เหมือนเดิม แต่ในรายของเฮอร์โวเย่ สโมลชิช, คริสติยาน ยาคิช และ มาโคโตะ ฮาเซเบะ 3 แข้งที่ติดคาดโทษก็ต้องระวัง เพราะถ้าโดนเพิ่มก็จะชวดนัด 2 ทันที
ขณะที่ทีมเยือนนาโปลี จ่าฝูงโคตรทีมของกัลโช่ เซเรียอา ณ ตอนนี้ ขนะรวดมา 5 เกมรวดในทุกรายการ โดยผลงานนัดล่าสุดคือการบุกไปเอาชนะ ซาสซูโอโล่ ในลีคได้ 2-0 แต่ผลงานนัดล่าสุดในรายการนี้คือการบุกไปแพ้ลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ 0-2
ความพร้อมเกมนี้ ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ นายใหญ่นาโปลี ต้องลุ้นเล็กน้อยกับความฟิตของวิคเตอร์ โอซิมเฮน กองหน้าตัวเก่งที่เดินกระเผลก หลังถูกเปลี่ยนออกในช่วงท้ายเกมล่าสุด แต่เชื่อว่าน่าลงช่วยทีมได้ตามปกติ แดนกลางปิโอเตอร์ เซลินสกี้ มิดฟิลด์โปลตัวเก่ง ที่ถูกพักไว้เป็นสำรอง ก็จะคัมแบ็กตามปกติ แต่ในรายของมัตเตโอ โปลิตาโน่ ที่ติดคาดโทษอยู่ ก็ต้องระวัง หากโดนใบเหลืองเพิ่ม ก็จะหมดสิทธิ์บู๊ในนัด 2 ทันที
สถิติที่น่าสนใจ
- แฟร้งค์เฟิร์ตมีผลงานการเล่นในถิ่นที่ยอดเยี่ยม โดยชนะได้ถึง 8 จาก 10 เกมหลังสุด รวมไปถึงชนะมา 5 เกมรวดในทุกรายการ
- ขณะเดียวกัน นาโปลี มีสถิติชนะ 8 จาก 10 เกมหลังสุดที่เล่นเป็นทีมเยือนในทุกรายการ
สกอร์ที่คาด : เสมอกันสุดมันส์ 2-2